หลักการและเหตุผลโครงการศึกษาเพื่อการอนุรักษ์ดอนปู่ตา จังหวัดอุบลราชธานี

หลักการและเหตุผล

ดอนปู่ตา เป็นพื้นที่ป่าชุมชุมชนที่อนุรักษ์ไว้บนพื้นฐานของความเชื่อและวัฒนธรรมของชุมชน โดยเฉพาะชุมชนชนบทอีสานจะเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม เชื่อถือในเรื่อง บาป-บุญ คุณ-โทษ ขวัญ-วิญญาณ เทวดาอารักษ์ ตลอดจนผีสางนางไม้ โดยมีการเซ่นสรวงตามฤดูกาล เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ หรือแก้ไขปัญหาชีวิตเปรียบเหมือนภูมิคุ้มกันภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวงมิให้มากล้ำกรายตนหรือครอบครัว ตลอดจนทุกชีวิตในชุมชน (บุญยงค์ เกศเทศ, 2542) ภายในดอนปู่ตาจะประกอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิดแตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่ เช่น ต้นยางนา ตะเคียน แดง เต็ง ชาด ประดู่ ขี้เหล็ก เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีพืชสมุนไพรที่เกิดอยู่ในป่าชุมชนอีกมากมาย เช่น พยาช้างสาร ขี้เหล็ก สะแก นมสาว รางจืด ต้นฮังคี เป็นต้น และที่สำคัญป่าชุมชนยังเป็นแหล่งอาหารของคนในชุมชนอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวกมัน แมลง และเห็ดที่เป็นอาอหารสำคัญของคนชนบท เช่น เห็ดละโงก เห็ดแดง เห็ดน้ำหมาก เห็ดผึ้ง และเห็ดโคน เป็นต้น นับได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งในระบบนิเวศน์ ระบบวัฒนธรรมชุมชน และระบบเศรษฐกิจของชุมชน

ภายในดอนปู่ตา นอกจากจะมีความอุดมสมบูรณ์ของไม้ป่านานาพันธุ์น้อยใหญ่แล้วนั้น ยังมีหอ หรือศาล (ตูบ) ไว้ให้เป็นที่สิงสถิตของกลุ่มผีประเภทให้คุณ เพื่อกราบไหว้บูชา เช่น สรวงสังเวย และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชน สำหรับการดูแลรักษาดอนปู่ตานี้ชุมชนจะมอบให้ “เฒ่าจ้ำ” เป็นคนดูและรักษาป่า เนื่องจากเป็นบุคคลที่ชุมชนไว้วางใจ และเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถสื่อสารระหว่างผู้คนในชุมชนหรือการร้องขอเป็นรายบุคคลกับผีปู่ตา คนในหมู่บ้านหรือบุคคลใด บุคคลหนึ่งเมื่อต้องการไปบน บอกหรือร้องขอเรื่องใดกับผีปู่ตา เฒ่าจ้ำจะเป็นผู้มาสื่อสารกับบุคคลหรือชุมชนเพื่อให้ได้คำตอบกับเรื่องที่ไปร้องขอหรือบอกกล่าว การดำเนินการเช่นนี้จัดได้ว่าเป็นการสร้างจิตวิทยาที่ดี เพราะจะทำให้ลดความกดดัน สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ไปร้องขอ นอกจากนี้ บทบาทที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเฒ่าจ้ำ คือ การทำพิธีเลี้ยงผีปู่ตา ซึ่งนิยมเลี้ยงกันในวันพุธใดพุธหนึ่งของเดือน 6 เป็นช่วงก่อนลงทำนา ในบางพื้นที่ทำการเลี้ยง 2 ครั้งต่อปี คือเลี้ยงในช่วงเดือน 3 เรียกว่า “การเลี้ยงขึ้น” หมายถึง การนำเอาข้าวจากนาขึ้นมาเก็บไว้ในเล้าข้าวและเดือน 6 เรียกว่า “การเลี้ยงลง” หมายถึง การลงทำนาแต่ในปัจจุบันส่วนใหญ่เหลือการเลี้ยงผีปู่ตาเฉพาะในช่วงเดือน 6 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ป่าธรรมชาติที่อยู่ในพื้นสาธารณะของชุมชนคงอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ และหากจะเปรียบเทียบกับป่าชุมชนที่อยู่ในพื้นที่สาธารณะโดยทั่วไปเช่นกัน ต้นไม้น้อยใหญ่ถูกตัดโค่นแทบไม่เหลือสภาพความเป็นป่าให้เห็น

จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ประมาณ 15,744.8 ตารางกิโลเมตร เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอันดับที่ 5 ของประเทศไทย และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ (ประมาณ 1,866,682 คน) แบ่งการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ สภาพพื้นที่ป่าไม้จากการสำรวจเมื่อปี 2538 มีเนื้อป่าประมาณ 2,495 ตร.กม. หรือประมาณ 1.56 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 15.49 ของเนื้อที่ทั้งหมดของจังหวัดอุบลราชธานี และสภาพของป่าไม้มีแนวโน้มที่จะลดลงเรื่อยๆ หากไม่มีการอนุรักษ์และการจัดการที่ดีจำนวนพื้นที่ป่าไม้ และความอุดมสมบูรณ์ในระบบนิเวศน์ของจังหวัดอุบลราชธานีก็จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้น จึงมีคำถามว่า ทำไมป่าชุมชนโดยทั่วไปไม่มีความอุดมสมบูรณ์เฉกเช่นดอนปู่ตา ชุมชนมีแนวทางในการจัดการกับดอนปู่ตาอย่างไร และจะมีแนวทางในการจัดการกับป่าชุมชนโดยทั่วไปอย่างไร และจากคำถามดังกล่าว โครงการนี้จึงมีความสนใจในการที่จะศึกษารูปแบบและการจัดการดอนปู่ตาของชุมชนในจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการอนุรักษ์ และส่งเสริมการปลูกป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์ ต่อไป

กลับหน้าหลัก